Saturday, June 26, 2010

The Pacific


The Pacific สุดยอดมินิซีรีย์ 10 ตอน จาก HBO อำนวยการสร้างโดย ทอม แฮงค์ส  สตีเว่น สปีลเบิร์ก และแกรีย์ โกเอ็ทซ์แมน  ใครที่เคยเป็นแฟนของ Band of Brothers พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง

Admin T@lk : เรื่องนี้ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่อยากให้ทุกท่านพลาดครับ ลักษณะและรูปแบบของการเล่าเรื่องจะเป็นไปในทางเดียวกันกับ Band of Brothers แต่โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าเรื่องนยี้ยังไม่สนุกเท่า Band of Brothers ครับ จริงๆแล้วเรื่องนี้น่าจะสร้างได้ยาวกว่านี้ซะอีก แต่ไปทำให้เรื่องมันค่อนข้างกระฉับมากเกินไปซักนิด บางตอนเลยดูแล้วยังไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่



THE PACIFIC คือ มินิซีรี่ส์ต้นทุนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของ HBO ด้วยโปรดักชันมูลค่ากว่า 200 ล้านเหรียญ    สร้างจากเรื่องจริงของหน่วยนาวิกโยธินในสมรภูมิแปซิฟิกในช่วงสงครามโลกครั้ง ที่สองผลงานล่าสุดของ  ทอม แฮงค์ส, สตีเว่น สปีล เบิร์ก และแกรีย์ โกเอ็ทซ์แมน  ทีมงานหัวกระทิที่อยู่เบื้องหลัง Band of Brothers มินิซีรี่ส์รางวัล Emmy และ Golden Globe ของ HBO นอกจากนี้ทอม แฮงค์สและเกิตซ์แมนยังเคยร่วมกันอำนวยการสร้างมินิซีรี่ส์ของ HBO เรื่อง John Adams ซึ่งรับรางวัล Emmys มากเป็นประวัติการณ์ถึง 13 รางวัลในปี 2008 ทั้งสามได้มารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อทำหน้าที่อำนวยการสร้างผลงานชิ้นประวัติ ศาสตร์


THE PACIFIC  บอกเล่าเรื่องราวอย่างกล้าหาญและสมจริง จาก การต่อสู้ของนาวิกโยธินสหรัฐฯ สามนาย ที่เกี่ยวโยงประสานกัน ได้แก่ โรเบิร์ต เลคกี (เจมส์ แบดจ์ เดล) ยูยีน สเล็ดจ์ (โจ มัซเซลโล) และจอห์น บาซิโลน (จอน เซดา) บนผืนทะเลอันไพศาลที่เป็นสมรภูมิแปซิฟิกในสงครามโลกครั้งที่สอง  ประสบการณ์เหนือคำบรรยายของพวกเขาและเพื่อนนาวิกโยธินเริ่มต้นจากการปะทะกับ ทหารญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในป่าทึมแห่งกัวดาลคานัล ผ่านป่าลึกในเคปโกลสเตอร์ ไปจนถึงที่มั่นแนวปะการังเปเลลู ชายหาดสีเลือดแห่งอิโวจิมา ลานสังหารในโอกินาวา และเส้นทางกลับบ้านพร้อมกับชัยชนะและอุปสรรคนานาประการหลังจากวันที่มีชัย ชนะเหนือญี่ปุ่น

THE PACIFIC  นำเนื้อหาบางส่วนมาจากหนังสือ With the Old Breed โดย ยูยีน บี สเล็ดจ์ ซึ่งได้รับการยกย่องจากนักประวัติศาสตร์ พอล ฟัสเซลล์ ว่าเป็น "บันทึกความทรงจำจากสงครามที่ดีที่สุดเล่มหนึ่งทีเดียว" และ Helmet for My Pillow โดยโรเบิร์ด เลคกี (ผู้รับรางวัล Marine Corps Combat Correspondents Annual Award) พร้อมทั้งเนื้อหาเพิ่มเติมจาก Red Blood, Black Sand โดยชัค เททัม China Marine โดยยูยีน บี สเล็ดจ์ ตลอดจนการสัมภาษณ์ที่ดำเนินการโดยผู้สร้าง  ผู้ที่บันทึกประวัติศาสตร์ของสงครามโลกครั้งที่สองทางวาจาต่อเนื่องจากบิดา คือ สตีเฟน อี แอมโบรส (ผู้เขียน Band of Brothers) ก็คือฮิวจ์ แอมโบรส ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของมินิซีรี่ส์เรื่องนี้ด้วย


เรื่องย่อ The Pacific

วันที่ 8 ธันวาคม ค.ศ. 1941 เพียง 24 ชั่วโมงหลังจากการบุกจู่โจมแบบสายฟ้าแลบของญี่ปุ่นที่ฐานทัพเรือสหรัฐ อเมริกาที่เพิร์ลฮาร์เบอร์ รัฐสภาได้ประกาศสงครามกับจักวรรดิ์ญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ  เป็นเวลาสิบปีแล้วที่ความตึงเครียดได้ก่อตัวขึ้นระหว่างประเทศญี่ปุ่นและ สหรัฐอเมริกา เนื่องจากญี่ปุ่นได้ขยายอาณาเขตครอบครองพื้นที่ขนาดใหญ่ รวมถึงส่วนใหญ่ของประเทศจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  เนื่องจากการทิ้งระเบิดที่เพิร์ลฮาร์เบอร์ สหรัฐอเมริกาได้เข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่สองอย่างเป็นทางการในช่วงปีที่สาม ของสงครามระหว่างฝ่ายสัมพันธมิตร อันได้แก่สหราชอาณาจักร สหภาพโซเวียต ประเทศจีน แคนาดา และออสเตรเลีย กับฝ่ายอักษะที่ประกอบด้วยญี่ปุ่น เยอรมนี และอิตาลี
เพียงชั่วข้ามคืน ชาวอเมริกันนับพันๆ คนทั่วประเทศได้พากันมาสมัครเข้าสู่กองทัพกันอย่างล้นหลาม ชายหนุ่มจำนวนมากเลือกที่จะเข้าร่วมเป็นนาวิกโยธิน ซึ่งไต่อันดับขึ้นมากกว่าสามเท่าหลังจากเหตุการณ์เพิร์ลฮาร์เบอร์
ขณะ ที่ Band of Brothers ถ่ายทอดประสบการณ์ของกองกำลังพลร่มของกองทัพบกในสมรภูมิยุโรป THE PACIFIC จะบอกเล่าความเป็นไปของสงครามในอีกโลกหนึ่ง ในสมรภูมิแปซิฟิก ซึ่งครอบคลุมพื้นที่มหาสมุทรแปซิฟิกและหมู่เกาะต่างๆ รวมถึงฟิลิปปินส์ เนเธอร์แลนด์อีสต์อินดีส นิวกินี และหมู่เกาะโซโลมอน  มินิซีรี่ส์เรื่องนี้ติดตามการเดินทางซึ่งเชื่อมโยงเกี่ยวพันกันของชายสาม คน ในกองพลนาวิกโยธินที่หนึ่ง เป็นกองพลทหารราบที่มีชื่อเล่นว่า “พวกสายพันธุ์เก่า” จากการที่เป็นกองพลที่ปฏิบัติหน้าที่มายาวนานและมีขนาดใหญ่ที่สุดสำหรับ หน่วยนาวิกโยธินสหรัฐฯ  และด้วยการสนับสนุนจากเพื่อนนาวิกโยธินและเพื่อนร่วมสงครามในกองทัพเรือ กองทัพอากาศ และกองทัพบก ทำให้กองพลนาวิกโยธินที่ 1 เป็นกำลังสำคัญระดับแนวหน้าในการสู้รบที่ยากเข็ญที่สุดหลายครั้งในสงคราม แปซิฟิก

ตลอดช่วงเวลาสิบชั่วโมง THE PACIFIC สะท้อนภาพเบื้องลึก “ในหมวกทหาร” ผ่านไปสู่ประสบการณ์ของบุคคลเหล่านี้ ตลอดจนสหายศึกของพวกเขา ซึ่งแต่ละคนล้วนต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดในดินแดนต่างถิ่นที่พวกเขาแทบไม่ เคยได้ยินชื่อมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นกัวดาลคานัล เคปโกลสเตอร์ เปเลลู อิโวจิมา โอกินาวา ท่ามกลางความยากลำบากอย่างแสนสาหัส และสภาพอากาศที่แสนทรมานต้องต่อสู้กับศัตรูที่ยอมแลกชีวิตมากกว่าจะยอมถูก จับกุมเป็นเชลยสงคราม ทำให้เหล่านาวิกโยธินเหล่านี้ต้องเผชิญกับความท้าทายที่ทดสอบกระทั่งคุณค่า ความเป็นมนุษย์ของพวกเขา THE PACIFIC ถ่ายทอดการต่อสู้ทั้งทางกาย ใจ และอารมณ์ และบอกเล่าถึงสิ่งที่มนุษย์ต้องสูญเสียไปกับการทำสงคราม

Saturday, June 19, 2010

PLATOON



ชื่อเรื่อง ภาษาอังกฤษ : PLATOON
ชื่อไทย : พลาทูน
ความ ยาว/Length :  120  นาที/minutes



เรื่องย่อ :
“พลาทูน” ผลงานแห่งความสำเร็จ 4 รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมที่เขียนขึ้น เป็นบทภาพยนตร์จากประสบการณ์จริงของผู้ กำกับ โอลิเวอร์ สโตน คือภาพยนตร์ที่เข้มข้น ทรงพลัง และเป็นความทรงจำเสมือนฝันร้ายที่ไม่มีวันสลัดทิ้งไปได้ของทหารทุกคนที่ต้องสูญสิ้นความบริสุทธิ์ของจิตใจของพวกเขาไปในป่ารบของเวียดนาม
หลัง มาถึงเวียดนามได้ไม่นาน คริค เทย์เลอร์ (ชาร์ลี ชีน) ทหารหนุ่มอเมริกันใสซื่อผู้ค้นพบว่าเขาไม่เพียงแต่ต้องสู้รบกับเวียดกงเท่า นั้น แต่ยังต้องต่อสู้ความหวาดกลัวที่ค่อยๆกัดกินหัวใจ ความเหนื่อยล้าสาหัส และอารมณ์เกรี้ยวกราดที่พร้อมระเบิดได้ทุกเมื่อ ขณะเดียวกันหัวหน้าทั้งสองของเขา (ทอม เบอเรนเจอร์ และ วิลเล็ม ดาโฟ สองนักแสดงที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ด้วยกันทั้งคู่) ต่างต้องห้ำหั่นทั้งฝ่ายศัตรูและก่อสงครามกันเอง ทั้งหมดนี้มีผลให้เทย์เลอร์ที่กำลังสับสน ขัดแย้งและค่อยๆซึมซับความเกลียดชัง เริ่มปิดกั้นต่อโลกแห่งความจริง และไร้ซึ่งความรู้สึกต่อทุกสิ่ง แม้กระทั่ง…ชิวิต!



พลาทูนนับเป็นหนังสงครามเวียดนามเรื่องหนึ่งที่เล่าเรื่องของสงครามเวียดนาม โดยโฟกัสไปที่ทหารอเมริกันกลุ่มหนึ่งที่ได้เข้าไปปฏิบัติภาระกิจในเวียดนาม ผู้กำกับโอลิเวอร์ สโตน ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของสงครามเวียดนามด้วยสายตาของผู้เคยมีส่วนร่วมอย่างแท้ จริง และพล็อตเรื่องแบบพลาทูนนี้เองที่เป็นแบบฉบับของหนังสงครามเวียดนามในอีก หลายเรื่อง ประเด็นทางประวัติศาสตร์ที่หนังต้องการสื่อถึงและเน้นย้ำอย่างมากก็คือ ทหารอเมริกันปฏิบัติภารกิจในเวียดนามแบบไร้อุดมการณ์ ไร้เป้ามาย ทั้งกลุ่มของจ่าเอไลแอส และจ่าบาร์นไม่ได้อุทิศชีวิตให้กับภารกิจในเวียดนาม เพียงแค่เอาตัวรอดไปวันๆ จนถึงเวลากลับ (ดูแล้วเหมือนกับทหารและตำรวจจากต่างถิ่นบางนายที่ไปปฏิบัติหน้าที่ในสาม จังหวัดชายแดนใต้ในขณะนี้) ต่างจากแนวร่วมเวียดกงและทหารเวียดนามเหนือที่รบด้วยอุดมการณ์และจิตวิญญาณ ซึ่งก็เป็นไปตามประวัติศาสตร์ที่แท้จริง แล้วดูเหมือนกับจะเป็นการบอกว่า อเมริกาเข้ามารบในเวียดนามโดยขาดหลักการของคำว่า รู้เขา รู้เรา จึงนับเป็นความเพลี่ยงพล้ำครั้งสำคัญในสงครามเย็น

Saturday, June 12, 2010

Defiance วีรบุรุษชาติพยัคฆ์


ชื่อเรื่อง ภาษาอังกฤษ : Defiance
ชื่อไทย : วีรบุรุษชาติพยัคฆ์
ความ ยาว/Length :  131  นาที/minutes

Admin T@lk : ภาพยนต์เรื่องนี้ ใครที่หวังดูการยิงสู้รบกันอย่างบ้าเลือดละก็คงอดดูกันแน่ครับ การสู้รบนั้นมีเพียงแค่ประมาณ 10-15 เปอร์เซนต์ของหนังเรื่องนี้ทั้งหมดน่าจะได้ เพราะคนสร้างได้ โฟกัสไปในส่วนของการสร้างชุมชนเพื่อให้อยู่รอดเสียมากกว่า



เรื่องย่อ

ในปี 1941 ชาวยิวในประเทศยุโรปตะวันออกเป็นพันๆคนถูกสังหารโหดโดยมี 3 หนุ่มพี่น้อง ทูฟี (แดเนียล เครก)ซูส (เลียฟ ชไรเบอร์) และ เอซาอิล (เจมี เบลล์) หนีรอดมาได้ และอาศัยป่าทึบที่พวกเขาเข้านอกออกในกันมาตั้งแต่เด็กเป็นที่หลบซ่อนตัว ณ ที่นี่เอง 3 พี่น้อง
เปิดศึกต่อต้านกองทัพนาซี แรกเริ่มพวกเขาทำทุกวิถีทางเพื่อเอาตัวให้รอด แต่แล้วความกล้าหาญของพวกเขาก็เริ่มเป็นที่เลื่องลือหนาหูขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาเริ่มได้รับความร่วมมือร่วมใจจากทั้งชายและหญิง เด็กและผู้ใหญ่ ที่พร้อมจะเสี่ยงเต็มที่ เพื่อได้สัมผัสกับอิสรภาพ
แม้เพียงเสี้ยววินาทีทิวเวีย (Tuvia รับบทโดย แดเนียล เคร้ก - Daniel Craig) จำใจขึ้นเป็นผู้นำ และกล้าหาญตัดสินใจทำลงไปก็ด้วยคำท้าทายเชิงสบประมาทจากซูส (Zus รับบท โดยลีฟ ชรีเบอร์ - Liev Schreiber) น้องชายของเขาที่กังวลว่า แผนการณ์แบบอุดมคติสุดขั้วของทิวเวียรังแต่จะนำความหายนะมาสู่พวกเขา เอเซียล (Asael รับบทโดย เจมี่ เบล - Jamie Bell) น้องชายคนเล็กที่ตกอยู่ท่ามกลางพี่ชายสองคนที่ห้ำหั่นกันอย่างเผ็ดร้อน
เมื่อสภาพอากาศของฤดูหนาวเย็นลงเรื่อยๆ พวกเขาก็สร้างชุมชนคนกล้าได้สำเร็จ และพยายามรักษาพลังศรัทธาของหมู่คณะให้อยู่ยั้งยืนยง ในขณะที่ดูเหมือนว่า มนุษยธรรมทั้งหลายจะหายสิ้นสูญจนหมดแล้ว

Saturday, June 5, 2010

Band of Brothers - กองรบวีรบุรุษ


ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ :  Band of Brothers
ชื่อภาษาไทย : กองรบวีรบุรุษ หรือ เพื่อนตาย สหายศึก
ความยาว : 10 ตอน | 09:34:57 ชั่วโมง

ภาพยนตร์เรื่องนี้เดิมเป็นหนังสือของ Stephen Ambrose ที่เขียนเล่าเรื่องราวของ ทหารพลร่ม กองร้อยอีซี่ (Easy Company) อันเป็นกองร้อยที่ 5 ของกองพัน 506 กองพลพลร่มที่ 101ของสหรัฐอเมริกา (U.S. 101st Airborne Division) ที่ได้ปฏิบัติการรบในสงครามโลกครั้งที่สองอย่างห้าวหาญในหลายสมรภูมิ นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์ในปี 2001 (พ.ศ.2544) โดย Steven Spielberg และ Tom Hanks



โดยแบ่งย่อย เป็น 10 ตอน มีรายละเอียดคร่าวๆดังนี้

ตอนที่ 1  Currahee  (คูราฮี)
คูราฮี คือชื่อเนินเขาที่กองร้อยอีซี่ต้องวิ่งขึ้นทุกวันระหว่างการฝึกที่ค่ายทอ คกัว จอร์เจีย เนื้อเรื่องในตอนแรกนี้เกี่ยวกับฝึกของเหล่าพลร่ม ตั้งแต่ที่อเมริกาไปจนถึงในอังกฤษเป็นเวลา 2 ปี ก่อนถึงวันดี-เดย์ ตอนนี้ยังไม่มีแอ็คชั่นมากนัก แต่มีความน่าติดตามสูง

ตอนที่ 2  Day of Days  (วันสำคัญ)
มิ.ย. 44 วันดี-เดย์ วันที่กองกำลังสัมพันธมิตรบุกยุโรป ทหารกว่า 3 000 000 นาย เครื่องบิน 11 000 ลำ เรือ ลำ ขึ้นฝั่งที่นอร์มังดี ฝรั่งเศส ก่อนเหล่าทหารราบจะยกพลขึ้นบก 5 ชั่วโมง ทหารพลร่มได้โดดร่มลงในดินแดนข้าศึก Band of Brothers Part 2 Day of Days โฟกัสไปที่หมวดริชาร์ด(ดิ้ค) วินเทอร์ส หลังจากโดดลงอย่างกระจัดกระจาย กองร้อยอีซี่รวบรวมกำลังพลและได้รับภารกิจให้ไปจัดการป้อมปืนใหญ่ที่กำลัง ถล่มพวกทหารราบซึ่งกำลังยกพลขึ้นบกที่หาดยูท่าห์

ตอนที่ 3  Carentan (คาเรนทัน)
ปฏิบัติการยึดเมืองคาเรนทัน ฝรั่งเศส

ตอนที่ 4  Replacements  (พลสำรอง)
ปฏิบัติการมาร์เก็ต การเด้น ที่ฮอลแลนด์ พลร่มของฝ่ายพันธมิตรทั้งอเมริกา อังกฤษ ฯลฯ(ซึ่งในหนังไม่ได้กล่าวถึง) ด้วยความหวังที่จะบุกเยอรมันจากด้านฮอลแลนด์ ในการนี้กล่าวถึงพลสำรองที่เข้ามาเสริมกำลังด้วย

ตอนที่ 5  Crossroads  (ทางแยก)
ด้วยการปฏิบัติหน้าที่อันกล้าหาญของหมวดวินเทอร์ส ทำให้เขาได้เลื่อนยศและขึ้นไปคุมกองร้อย เป็นจุดเปลี่ยนของเขาที่ไม่ต้องนำลูกน้อง ออกรบอีกต่อไป  Crossroads ชื่อตอนนี้มีความหมายแฝง กำกับโดยทอม แฮงค์เอง

ตอนที่ 6 Bastogne (แบสโตนจ์)
แบสโตนจ์ เบลเยี่ยม สมรภูมิอันแสนหฤโหด เป็นส่วนหนึ่งของการรบที่ยิ่งใหญ่ The Battle of the Bulge กองร้อยอีซี่มาประจำที่แบสโตนจ์โดยมีกระสุน อาหาร อุปกรณ์ต่าง ๆ เพียงน้อยนิด ทั้งหิมะอันหนาวเหน็บและยังถูกล้อมด้วยทหารเยอรมันมากมาย สำหรับตอนนี้ถูกนำเสนอผ่านมุมมองของแพทย์สนามยูจีน

ตอนที่ 7  The Breaking Point  (บุกทะลวง)
ยังอยู่ในฉากสงครามที่มีแต่หิมะ ผ่านการบรรยายความรู้สึกของจ่ากองร้อยคาร์วู้ด ลิปตัน

ตอนที่ 8  The Last Patrol  (การลาดตระเวนครั้งสุดท้าย)
หลังจากการรบที่แบสโตนจ์ เหล่าทหารอยู่ในสภาพย่ำแย่ อ่อนล้า .......ตอนนี้นำเสนอผ่านพลฯเว็บสเตอร์ที่บาดเจ็บในฮอลแลนด์ทำให้ไม่ได้ไปรบ ที่แบสโตนจ์ จึงทำให้เขาถูกมองเหมือนเป็นทหารใหม่ ประกอบกับการมาของหมวดโจนส์นายทหารที่เพิ่งจบมาใหม่ ๆ ทั้งสองคนจึงต้องพิสูจน์ตัวเอง ภารกิจในตอนนี้คือบุกเข้าไปจับเชลยเยอรมัน

ตอนที่ 9  Why We Fight  (จะรบไปทำไม)
กองกำลังพันธมิตรบุกเข้าสู่เยอรมันได้ ฮิตเลอร์ฆ่าตัวตายไปแล้ว ทหารเยอรมันเริ่มจะยอมแพ้ ฝ่ายพันธมิตรพบค่ายกักกันชาวยิวมากมาย ตอนนี้นำเสนอได้เศร้ามาก

ตอนที่ 10  Points  (คะแนน)
ในช่วงเวลาสงครามใกล้จะสงบ การที่ทหารจะกลับบ้านได้ต้องสะสมคะแนนให้ถึง 85 แต้ม น่าเศร้าที่แม้จะไม่มีสงครามแล้วทหารบางคนก็ยังต้องบาดเจ็บ ตาย อะไรก็ตามที่โหด ๆ ใน 9 ตอนที่ผ่านมา จะไม่มีให้เห็นในตอนสุดท้ายนี้ ตอนนี้จะมีแต่ฉากสวย ๆ งาม ๆ ของเทือกเขาแอลป์ รังของฮิตเลอร์ ออสเตรีย บทพูดของนายพลเยอรมันในช่วงท้ายน่าสนใจมาก และไม่มีหนังเรื่องไหนที่ฉากจบแบบบอกว่าปัจจุบันคน ๆ นั้นทำอะไรอยู่ ที่ทำให้อินได้เท่าเรื่องนี้